วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ปลามังกร



สำหรับการดูแลนั้น บอกได้เลยว่าขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละบุคคลครับ เพราะในความเป็นจริงแล้วข้อมูลที่เราได้อ่านและศึกษามาอย่างดี ในความเป็นจริงบางอย่างเข้าก็ไม่ได้ทำกันตามนั้นเสมอไปหรือบางอย่างอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้วบ้าง ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกหรือพิจารณาขั้นตอนใด ๆ อย่างน้อยจะต้องศึกษาข้อมูลพื้นฐานเอาไว้พอสมควร ซึ่งข้อมูลที่อยู่บนพื้นฐานของวิธีการดูแลปลาอะโรวาน่านั้น ข้อกำหนดเป็นขั้นพื้นฐานเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเลี้ยงพันธุ์ไหนหรือขนาดเท่าไร ดังนั้นผมอยากให้เพื่อน ๆ มาลองดูการเลี้ยงทั่วไปดูคร่าว ๆกันหน่อยนะครับ

ตู้เลี้ยงและอุปกรณ์ตกแต่ง
·   ขนาดของตู้นั้น อย่างน้อยต้องมีความยาว 3-4 เท่าของตัวปลาเป็นอย่างน้อย แต่ในความเป็นจริงที่เลี้ยงกันสวย ๆ ก็ 10 เท่าของตัวปลาไปเลยครับ หรือถ้าคิดจะเลี้ยงไปจนโตเลยนั้น ผมแนะนนำขนาดที่ 84 36 30 ครับ แต่บางท่านอาจจะลงสัก 72 36 30 อันนี้ก็ไม่ว่ากัน ขอให้พิจารณาที่ความกว้างเป็นหลักนะครับที่ 36 ส่วนตู้ที่มีขนาดน้อยกว่านี้นั้นสามารถเลี้ยงได้แทบทั้งสิ้นครับ เพียงแต่ว่าเมื่อใดที่เค้าโตขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว ไม่ช้าเราก็ต้องเปลี่ยนตุ้อยู่ดีครับ  บอกได้เลยครับว่า ยิ่งขนาดตู้ใหญ่และกว้างเท่าใดก็เป็นการดีกับปลาของเรามากเท่านั้นครับ
·   อุปกรณ์ตกแต่งต่าง ๆ ประเภทขอนไม้หรือก้อนหินรวมไปถึงไม้น้ำต่าง ๆ ซึ่งหลาย ๆ ตำรานั้นเน้นให้เห็นถึงอันตรายต่อตัวปลาในลักษณะที่อาจจะเป็นสิ่งกีดขวางในกรณีที่ปลาตกใจ เป็นผลให้เกิดการบาดเจ็บตามมา ซึ่งผมก็เห็นจริงตามนั้น แต่สิ่งที่ผมอยากจะเน้นย้ำลงไปมากกว่าก็คือ พวกสิ่งกีดขวางหรือของตกแต่งเหล่านี้ทำให้เราดูแลรักษาน้ำได้ลำบาก โดยเฉพาะหินกรวดไม้น้ำรวมไปถึงขอนไม้ที่มีขนาดใหญ่ครับ วันหนึ่งถ้าน้ำเสียขึ้นมา ปลาเป็นโรคจะปวดหัวกันมากกว่ารอยขีดข่วนหรือเกล็ดหลุดหลายเท่าครับ แต่ถ่าจะมีไว้ก็มิได้นำพาครับ แต่ขอให้เน้นกันเรื่องเรื่องการทำความสะอาดที่ดีก็แล้วกันครับ จะเห็นได้ว่าตู้โล่งนั้นน้ำสะอาดและทำความสะอาดได้ง่ายกว่าขนาดไหน เอาไปตรองกันดูครับ

ในกรณีที่ต้องการจะมีหินหรือไม้น้ำบ้างลงไปนั้น อย่าลืมที่จะลบเหลี่ยมหรืออะไรก็ตามที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการว่ายน้ำของปลามากนัก อาจจะมีพองามไม่ถึงขนาดแน่นตู้จนเกินไปครับ

คุณภาพน้ำ
·   จากการได้คุยกับร้านค้าต่าง ๆ มากมายที่ได้มีการโทรเข้ามาถามถึงอาการป่วยของปลานั้น ยังมีผู้เลี้ยงจำนวนมากที่อาจจะมองข้ามคุณภาพน้ำไปในกรณีที่ปลาป่วย บางท่านถึงขนาดเพิ่มวัสดุกรอง เพิ่มขนาดของกรอง ใส่เกลือหรือแม้แต่เพิ่มเติมหลอด UV แต่อาการป่วยของปลาก็ไม่ได้หายไปเพียงเพราะผู้เลี้ยงเหล่านั้นไม่ได้ทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำอย่างถูกต้องในช่วงเวลาที่ปลาป่วยนั่นเอง ปลาบางตัวอาจจะมีอาการซึมไม่กินอาหาร อดอาหารแล้วก็ไม่ได้ผล ลืมไปเสียสนิทเลยว่า แค่เปลี่ยนน้ำใหม่ลงไปจะช่วยให้ปลามีความสดชื่น กินอาหารง่ายและโตเร็วมากเลยนะครับ สภาพของน้ำจะต้องไม่มีของเสียหรือสารเคมีเจือปนโดยเฉพาะคลอรีน วึ่งเราทราบกันดีถึงขั้นตอนการพักน้ำและการใส่น้ำยาปรับสภาพน้ำตามสมควร อย่าลืมนะครับ PH7 นั้นคือค่ากลาง หรือหมายถึงค่าดีที่สุดที่จะใช้เลี้ยงมังกรครับ เพราะการที่มีค่าน้ำเป้นกลางที่สุด เมื่อใดที่มีการแกว่งของน้ำปลาจะสามารถรับสภาพได้ดีกว่าปลาที่เลี้ยงใน PH ที่ต่ำหรือสูง ถ้าแกว่งขึ้นมาจะรับสภาพไม่ค่อยจะได้ครับ
·   อุณหภูมิของน้ำ มีคำถามมากมายถึงอุณหภูมิที่ดีที่สุดของการเลี้ยงปลามังกร บ้างก็บอกว่า 30 ใช้รักษาโรค บ้างก็บอกว่า 29 สำหรับปลาทอง 27 สำหรับปลาแดง มันเป็นสูตร ทำให้ต้องเพิ่มเติมอุปกรณ์ลดความร้อนกันมากมายอาธิเช่น ฝาตะแกรง พัดลมหรืออาจจะลงทุนถึงขนาดติดเครื่องทำความเย็นกันเลยทีเดียว เอ แต่ปลาที่ฟาร์มหรือที่ร้านค้าต่าง ๆ อุณหภูมิปาเข้าไปตั้ง 35-36 ทำไมปลายังอยู่ได้ล่ะครับ เรื่องนี้ผมไม่อยากฟันธงให้เมื่อย แต่อยากให้เราลองมองไปที่อุณหภูมิบ้านเรานั้น อยู่ที่ 35 องศา ดังนั้น อุณหภูมิของน้ำจะอยู่ที่ 30 องศา (น้อยกว่าอุณหภูมิภายนอกอยู่ 5) เมื่อไหร่ที่อากาศร้อนขึ้น ทำให้อุณหภูมิเพิ่มจาก 30 เป็น 32 กันถ้วนหน้า แล้วลองมองกลับไปที่ประเทศอิโดนีเซียกันหน่อย อุณหภูมิบ้านเขาอยู่ที่ 30 นั้นหมายความว่า อุณหภูมิน้ำของเข้านั้น แค่ 25-26 เท่านั้น หรือแม้แต่ออสเตรเลีย ปลาที่นั้นเขาเลี้ยงกันที่ 27 องศาครับเนื่องจากเป็นประเทศอากาศเย็นสบาย  ดังนั้นอยากจะบอกแค่ว่า อุณหภูมิไม่ใช่สูตรสำเร็จอย่างเดียวในการที่จะประสพความสำเร็จนะครับ อย่าเพิ่งไปปวดหัวกับความร้อนกันมากจนเกินไปครับ เพราะในความเป็นจริง อากาศที่อยู่ระหว่าง 25-35 นั้นถือว่าเลี้ยงได้ ถ้าน้อยไปหรือสูงไปอาจจะต้องมีการดูแลอย่างอื่นเข้ามาชดเชย ดังนั้นเดินทางสายกลางที่ 28-32 ก็ไม่เลวใช่ไหมครับ
·   สูตรของการเปลี่ยนน้ำมีมากมาย ผู้เลี้ยงบางท่านถึงกับต้องจดวันเวลาและจำนวนเอาไว้กันลืม เช่น วันนี้เปลี่ยน 20% ต้องรอไปอีก 3 วัน 7 วันหรือ วันเว้นวันก็ตาม แต่สิ่งที่ผมอยากจะให้ทำกันก่อนที่เราจะเปลี่ยนน้ำนนั้น อยากให้เราดูสภาพของตู้เราเองก่อนสักนิดหนึ่งว่า ระบบกรองเป็นอย่างไร จำนวนปลามากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงขนาดของปลาและของปริมาณของเสียต่อวัน เพราะสูตรการเปลี่ยนน้ำที่ดีที่สุดก็ไม่อาจจะใช้กับตู้ที่มีปลาหนาแน่นและของเสียมากจนเกินไปได้ ส่วนตู้ที่มีระบบกรองที่ดี ระบบโอเวอร์โฟลว์ ถ้าเลี้ยงปลาตัวเดียวแล้วเขาจะไม่เปลี่ยนน้ำเลยเป็นเวลา 1 เดือนนั้นก็ไม่ผิดอะไร ถ้าน้ำในตู้นั้นยังมีการหมุนเวียนและขจัดของเสียได้ดี ฉะนั้นผมไม่อยากที่จะให้เพื่อน ๆ มานั่งจำสูตรการเปลี่ยนน้ำ แต่อยากจะให้ลองสังเกตุสภาพน้ำในตู้ด้วยตามากกว่าครับ แล้วเราจะสามารถพบกับสูตรที่ลงตัวที่สุดสำหรับตู้ของเราเองนั่นเอง แต่อย่างน้อยหนึ่งในสามของน้ำต้องเปลี่ยน 3 ครั้งทุกๆ 2 สัปดาห์ แม้ว่าหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ยิ่งดี ขึ้นอยู่กับการให้อาหารของเรา สูตรนี้ก็ยังใช้กันได้ดีมาตลอดครับ
- รูป -

อาหารและการให้อาหาร
  โดยปกติการให้อาหารปลามังกรนั้นจะเน้นที่อาหารสดไม่ว่าจะเป็นหรือตาย เอาเป็นว่าอาหารสดนั้นเน้นจำพวกโปรตีนสูงไว้ก่อน โดยเฉพาะที่ช่วงเวลาที่ปลามีขนาดเล็กอยู่ อาหารประเภทโปรตีนจะทำให้ปลามีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาได้รวดเร็วมาก ประมาณ 2 เดือนต่อ 3 นิ้ว ซึ่งเราสามารถให้อาหารปลาได้ 2-3 ครั้งต่อวันไปพร้อมกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำ 10% ของทุกวันนั่นเอง ในปลาที่มีขนาดใหญ่แล้วสามารถลดจำนวนการให้อาหารได้เช้าเย็นหรืออาจจะวันละครั้งก็ได้ครับ เพราะปลาที่มีขนาดใหญ่จะกินอาหารน้อยและใช้เวลาในการย่อยอาหารนานกว่าครับ ส่วนตัวผมอาจจะให้อาหารได้บ่อยหน่อยในช่วงที่อยู่บ้าน แล้วเช้าเย็นสำหรับวันที่ต้องออกไปทำงาน แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือ ถ้าให้อาหารถี่ในแต่ละวันก็ไม่ควรที่จะให้จำนวนที่มากจนเกินไป อาจจะให้แค่ไม่กี่คำต่อมื้อ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำงานหนักของกระเพาะอาหาร และควรเว้นระยะเวลาสำหรับมื้อต่อไปสักหน่อยเพื่อให้มีการพักผ่อนและกระตือรือล้นในการหาอาหารของเขาครับ
อาหารที่ผมเน้นที่จะให้เขาก็คือพวกโปรตีนสูงประเภท กุ้งฝอย กุ้งขาวแช่แข็งรวมไปถึงจิ้งหรีด เนื้อปลาและหนอนนกในบางกรณีครับ เพื่อที่เขาจะได้รับสารอาหารที่หลากหลาย ช่วยให้สุขภาพแข็งแรงดีกว่าการให้อาหารที่จำเจ เพราะปลาจะมีอาการเบื่ออาหารและกินได้น้อยลงครับ
การให้อาหารที่มีโปรตีนและไขมันสูงโดยทั่วไปจะต้องมีการเปลี่ยนน้ำที่ต้องทำเพื่อลดมลพิษในน้ำอย่างรวดเร็วครับ

การรักษาอาการป่วยเบื้องต้น
ในกรณีที่ปลาเริ่มซึมและไม่กินอาหาร โดยปกติถ้ายังไม่มีการติดเชื้อร้ายแรง ตัวปลาจะมีภูมิต้านทานอยู่ในตัวเองซึ่งสามารถที่จะรักษาและหายเองได้โดยธรรมชาติอยู่แล้วครับ เราแค่เพิ่มเติมโดยการเพิ่มอุณหภูมิให้ได้ 30 องศาและต้องรักษาระดับอุณหภูมิให้ดี อาจจะต้องใส่เกลือลงไป 1 2 หรือ 3 % ตามสมควร

ที่มาhttp://www.arowanastation.com/main.php?url=view&room=3&id=76

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น